เจาะลึกไปถึงวิธีซ่อมสีรถยนต์แบบถึงพริกถึงขึง ฉบับ ArkcoThaliand ที่จะเจาะลึกไปถึงการซ่อมสีรถยนต์ด้วยวิธีต่างๆแบบละเอียดยิบ กว่าบทความไหนๆอย่างแน่นอน
Table of Content
วิธีการประเมินความเสียหายและวิธีซ่อมสีรถยนต์เบื้องต้น
ความเสียหายระดับที่ 1 - รอยเปื้อนรอยขนแมวเล็กน้อย
ความเสียหายระดับที่ 2 - รอยขีดข่วนสีดำ
ความเสียหายระดับที่ 3 - รอยขีดข่วนลึกถึงเนื้อเหล็ก
สรุป
รถใครใครก็รัก บอกเลยว่าหากรถของเราเกิดแผลขึ้นไม่ว่าจะเป็นจุดใดก็ตาม ย่อมทำให้เจ้าของรถเจ็บช้ำน้ำใจกันได้ไม่น้อยเลยทีเดียว ไม่ว่าจะแผลเล็กแผลใหญ่ก็ต้องกระวนกระวายหาวิธีซ่อมแซมอย่างรวดเร็วเป็นแน่แท้
วันนี้ Arkcothailand จึงมีบทความที่เชื่อว่ามีประโยชน์ต่อผู้อ่านอย่างแน่นอน ในการเจาะลึกไปถึงวิธีซ่อมสีรถยนต์แบบถึงพริกถึงขึง ฉบับ ArkcoThaliand ที่จะเจาะลึกไปถึงการซ่อมสีรถยนต์ด้วยวิธีต่างๆแบบละเอียดยิบ กว่าบทความไหนๆอย่างแน่นอน
อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ หากเราไม่ระมัดระวัง หรือเจอคนที่ไม่ระมัดระวังเองด้วย เช่น การถอยรถเบียดเสา การถอยรถชนต้นไม้ ชนกำแพง หรือ ขับรถชนกันด้วยความประมาท แม้จะเป็นการชนเล็กๆ แต่ก็ทำให้รถของเราเสียหายได้มากเลยทีเดียว
เมื่อรถของเราเป็นรอยที่เข้าลึกไปอยู่ในระดับเนื้อผิวไม่ว่าจะเป็น ตัวถังก็ดี กันชนก็ดี หรือแม้แต่จุดอื่นๆเพียงเล็กน้อยก็ตาม การซ่อมแซมรอยแผลนี้ ทำได้หลากหลายวิธีอย่างมาก
ซึ่งเมื่อเกิดเหตุ อันดับแรกเลยเราอย่าเพิ่งตกอกตกใจให้มาก Arkco แนะนำให้ประเมินความเสียหายก่อน ว่าหนักเบาแค่ไหน เพื่อที่เราจะได้นำวิธีแก้ปัญหาที่ ArkcoThailand กำลังจะแนะนำ นำไปใช้ต่อไป โดยให้ประเมินความเสียหาย ให้สอดคล้องกับวิธีซ่อมสีรถยนต์ดังต่อไปนี้
ความเสียหายระดับที่ 1 ที่จะกำหนดให้เป็นความเสียหายระดับรอยเปื้อนได้ จะมีลักษณะดังนี้ หากเราตรวจสอบแล้วพบว่ารถของเรามีความเสียหายที่มองแล้วเป็นรอยสีที่ไม่เหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็น รอยดำ รอยขนแมว รอยสีด่าง รอยเปื้อนต่างๆ แนะนำว่าอย่าเพิ่งตกใจ
โดยวิธีซ่อมสีรถยนต์รอยระดับที่ 1 นี้ ให้ลองนำผ้าไมโครไฟเบอร์ ทำการเช็ดและถูรอยดังกล่าววนไปเรื่อยๆ หากเป็นแค่รอยเปื้อนรถของเรา ผ้าไมโครไฟเบอร์ก็จะสามารถเช็ดให้รอยหายไปได้
หากรอยยังไม่หายด้วยการเช็ดด้วยผ้าเปล่าๆ ให้ลองใช้น้ำยาลบรอยขีดข่วนสำหรับรถยนต์ ป้ายไปยังรอยดังกล่าวเพียงเล็กน้อย และใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์เช็ดและถูขัดวนไปเรื่อยๆ จนกว่ารอยนั้นจะหายไป หากรอยหายไป และพบว่าสีรถกลับมาสวยดั่งเดิมก็ถือว่าเป็นความเสียหายระดับที่ 1 หรือระดับเริ่มต้นเท่านั้นสามารถแก้ไขได้ด้วยตนเอง
บางครั้งการขับรถเบียดหรือชนอาจจะแค่ทำให้เกิดรอยเล็กน้อยซึ่งเป็นรอยที่เกิดจากพื้นผิวหรือสีจากสิ่งที่เราไปชนหรือไปเบียด เกิดการปนเปื้อนกับสีรถของเราเท่านั้น ซึ่งการแก้ไขปัญหาด้วยการใช้น้ำยาหรือครีมลบรอย จะเป็นการทำความสะอาดสิ่งปนเปื้อนที่มาเปื้อนกับสีรถของเรา โดยที่ถือว่าสิ่งปนเปื้อนดังกล่าวยังไม่เป็นรอยลึกเข้าไปในชั้นเนื้อสีทำให้ยังพอที่จะทำความสะอาดด้วยวิธีการเบื้องต้นได้
ความเสียหายระดับที่ 2 ที่จะกำหนดให้เป็นความเสียหายระดับรอยขีดข่วนได้ จะมีลักษณะดังนี้
สีของรถจะมีลักษณะที่เป็นรอยขีดข่วนสีดำชัดเจน โดยสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า และเมื่อเราสัมผัสก็จะพบว่าพื้นผิวนั้นมีลักษณะที่เปลี่ยนไป หากพบลักษณะรอยขีดข่วนแบบนี้ถือว่าค่อนข้างยากในการที่จะขัดออกด้วยวิธีการใช้ครีมลบรอยหรือน้ำยาขัดลบรอย เพราะรอยดังกล่าวได้ขีดข่วนจนทำให้ชั้นผิวสี นั้นบางลงอย่างมาก
หากเกิดรอยแบบนี้ถือว่าค่อนข้างหนักพอสมควร ให้เราลองทำการเช็ดด้วยครีมลบรอยหรือน้ำยาขัดลบรอย ให้กับรอยแผลทั้งหมดก่อน ซึ่งวิธีการนี้จะเป็นการทำความสะอาดให้เหลือแต่จุดที่มีรอยขีดข่วนสีดำเท่านั้นเพื่อป้องกันการสับสนระหว่างรอยขีดข่วนกับรอยเปื้อน
โดยวิธีซ่อมสีรถยนต์รอยระดับที่ 2 นี้ สามารถทำได้ด้วยการขัดผิวรอบข้างด้วยเครื่องขัดผิวชนิดต่างๆ อาทิเช่น กระดาษทราย เครื่องขัดกระดาษทราย เครื่องขัดเหล็ก Montipower เป็นต้น
โดยเราจะต้องขัดพื้นผิวโดยรอบให้มีความหนาสีใกล้เคียงกับพื้นผิวที่เกิดรอยขีดข่วนสีดำให้มากที่สุด ก่อนจะทำการ ทาหรือพ่นสีจุดที่เป็นรอยขีดข่วนสีดำให้กลับมามีสีที่มีความหนาเสมอกันได้
ซึ่งวิธีนี้สามารถทำได้ด้วยตนเองหากเราพอมีทักษะในด้านการช่างอยู่สักหน่อย ไม่จำเป็นต้องไปร้านก็สามารถทำได้
ความเสียหายระดับที่ 3 สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนที่สุด ซึ่งแน่นอนว่าการที่ทำให้เกิดความเสียหายระดับนี้ได้จะต้องชนหนักพอสมควร หรือจะต้องเบียดเป็นทางยาวทำให้เกิดรอยมากกว่า 1 จุด ซึ่งหากเกิดรอยที่ขีดข่วนลึกถึงระดับเนื้อเหล็กได้ ถือว่าอันตรายต่อรถของเราในอนาคตอย่างแน่นอน ซึ่งหากเราไม่แก้ไขรอยขีดข่วนนี้ ก็จะทำให้เกิดสนิมตามมากัดกร่อนทำให้ตัวถังรถผุพังได้เลย
หากเราประเมินแล้วค่อนข้างเสียหายหนัก โดยวิธีซ่อมสีรถยนต์รอยระดับที่ 3 นี้ อาจจะไม่สามารถทำได้ด้วยตนเอง หากเราเป็นคนธรรมดาทั่วไป จะต้องนำรถเข้าศูนย์ซ่อมหรือเข้าอู่ซ่อมโดยประเมินราคาตามความรุนแรงที่เกิดขึ้น แต่หากรถของเราไม่มีประกัน และเราเป็นคนที่มีทักษะในด้านการใช้งานเครื่องมือช่างอยู่สักหน่อย แน่นอนว่าเราก็สามารถซ่อมเองได้
โดยอุปกรณ์ชิ้นสำคัญที่จะใช้ในการซ่อมรอยแผลระดับที่ 3 ก็คือเครื่องพ่นทรายและเครื่องพ่นสีไฟฟ้า Graco ระบบ Airless นั่นเอง วิธีการก็ไม่ได้ยากนะแต่ต้องใช้ความสามารถและใช้เครื่องมือเป็นสักเล็กน้อย จะต้องทำการพ่นทรายเพื่อขัดสีเก่าและสารเคลือบเก่าออกให้หมดก่อน วิธีการแรกนี้เรียกว่าวิธีการเตรียมพื้นผิว เพื่อนำไปพ่นสีทั้งชิ้นงานต่อไป ซึ่งวิธีการนี้ต้องบอกเลยว่าจะเน้นที่การซ่อมรายชิ้นกันเลยทีเดียว อาจจะฟังดูแล้วเป็นการซ่อมที่ใหญ่กว่าสองวิธีแรก แต่ต้องบอกเลยว่า งานสีรถของเราจะเนี้ยบอย่างกับซื้อรถใหม่เลยทีเดียว
หากอ่านบทความนี้จบแล้วคุณพ่อบ้านสามารถนำ วิธีการซ่อมสีรถ วิธีที่ 1 และวิธีการที่ 2 ไปใช้ได้เลย ใช้ได้สำหรับรอยเปื้อนรอยขนแมวเล็กน้อยและรอยขีดข่วนสีดำที่ไม่ถึงเนื้อเหล็กหากเราประเมินแล้วสามารถซ่อมเองได้ ก็สามารถทำได้ แต่หากรถของเราชนระดับ 3 แล้วจะมีวิธีซ่อมสีรอยระดับที่ 3 อีกหลากหลายรูปแบบ
สามารถเตรียมตัวดูต่อในบทความของ ArkcoThailand ถัดไปได้เลย วิธีซ่อมสีรถยนต์ด้วยเครื่องขัดเหล็ก Montipower และ วิธีซ่อมสีรถยนต์ด้วยเครื่องพ่นทรายและเครื่องพ่นสีไฟฟ้า Graco
ArkcoThailand เป็นผู้จัดจำหน่าย เครื่องขัดเหล็ก Montipower เครื่องพ่นสีไฟฟ้า Graco ระบบ Airless เครื่องพ่นทราย เครื่องวัดความหนาสี Elcometer
และอีกมากมาย
________________________________________________________________
ท่านสามารถสั่งซื้ออุปกรณ์ เครื่องมือเตรียมผิวงาน เครื่องพ่นสี เครื่องพ่นทราย เครื่องวัดความหนาสี ได้ที่
TEL
086-351-3941,
Create at : 2023-08-08 04:04:52